สรุปจากหนังสือสามเล่ม
ขนมไทยมีเอกลักษณ์คือความสวยงาม
แสดงถึงวัฒนธรรม ความพิถีพิถันในการกินตั้งแต่อดีต วิธีการทำที่ละเอียด ปราณีต
ใช้เวลา ผู้ที่จะประกอบอาชีพนี้ จึงต้องมีใจรัก มีความอดทน ขยัน
รู้จักเลือกทำเลที่ตั้งให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
สร้างมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าประทับใจและกลายเป็นลูกค้าประจำ
ซึ่งในความนิยมในการบริโภคขนมไทยของคนไทย โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่น้อยลงมาก
ขนมโบราณหลายชนิดต้องสูญหายไปหรือหารับประทานยาก
จากการสำรวจการบริโภคขนมไทยของคนไทย
พบว่าการซื้อขนมไทยเฉลี่ยอยู่ที่ ๑,๐๐๐ บาท ต่อปี
ซึ่งปัจจุบัน ในภาครัฐ
จึงส่งเสริมให้มีการบริโภคขนมไทยและซื้อเป็นของฝากมากขึ้น
และหวังพัฒนาธุรกิจขนมไทยสู่อุตสาหกรรมตลาดโลก ขนมไทยหลายชนิดมีศักยภาพส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ
โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นขนมแห้ง เช่น ข้าวตัง ทองม้วน ขนมเปี๊ยะ มะพร้าวแก้ว
มะม่วงกวน เป็นต้น ส่วนขนมสด มีอายุการเก็บรักษาสั้น จึงค่อนข้างมีปัญหา
เพราะขนมไทยเป็นอาหารที่มีความชื้นมาก ถึงแม้จะมีการพัฒนาเพื่อยืดอายุขนมไทยในขั้นตอนการผลิต
และการบรรจุแล้วก็ตาม แต่รสชาติของขนมไม่อร่อยเท่ารับประทานขนมไทยสดๆ
กลุ่มลูกค้าของธุรกิจขนมไทย หลักๆได้แก่ แม่บ้าน คนทำงาน
ร้านอาหาร โรงแรม สายการบิน และกลุ่มนักท่องเที่ยว โดยแบ่งออกเป็น ๓ ระดับ คือ
ระดับล่าง ระดับกลาง ระดับสูง
ขนมจัดเป็นอาหารที่คู่สำรับกับข้าวไทยในงานพิธีและงานมงคลต่างๆ
มาตั้งแต่ครั้งโบราณ โดยใช้คำว้า สำรับกับข้าวคาวหวาน
ซึ่งขนมไทยเป็นเอกลักษณ์ด้านวัฒนธรรมประจำชาติไทยอย่างหนึ่งที่รู่จักกันดี
ในสมัยโบราณคนไทยจะทำขนมเฉพาะวาระสำคัญเท่านั้นเป็นต้นว่างานทำบุญ เทศกาลสำคัญ
หรืองานตอนรับแขกสำคัญ
เพราะขนมบางชนิดจำเป็นต้องใช้กำลังคนอาศัยเวลาในการทำพอสมควร ส่วนใหญ่เป็น
ขนมประเพณี เช่น ขนมงาน เนื่องในงานแต่งงาน ขนมพื้นบ้าน
ส่วนขนมในรั้วในวังจะมีหน้าตาจุ๋มจิ๋ม ประณีต วิจิตรบรรจงในการจัดวางรูปทรงขนมสวยงาม
ขนมไทยมีมานานแล้วตั้งแต่ประเทศไทยเป็นสยามประเทศได้ติดต่อค้าขายกับชาวต่างประเทศ
เช่น จีน อินเดีย มาตั้งแต่สมัยสุโขทัย โดยส่งเสริมการค้าขายสินค้าซึ่งกันและกัน
ตลอดจนการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม ด้านอาหารการกินอยู่ร่วมกันไปด้วย
ต่อมาในสมัยอยุธยา และสมัยรัตนโกสินทร์
ได้มีการเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศต่างๆอย่างกว้างขวาง
ไทยได้รับเอาวัฒนธรรมด้านอาหารของชาติต่างๆมาดัดแปลงให้เหมาะสมกับสภาพท้องถิ่น
วัตถุดิบที่หาได้ เครื่องมือเครื่องใช้ ตลอดการบริโภคนิสัยแบบไทยๆ
ทำให้ขนมไทยในปัจจุบันมีทั้งขนมที่เป็นไทยแท้ๆและดัดแปลงมาจากวัฒนธรรมของต่างชาติ
เช่น ขนมที่ใช้ไข่และขนมที่ต้องเข้าเตาอบ เป็นต้น
นอกจากนั้นไทยยังให้ความสำคัญกับขนมที่ทำจากไข่เหล่านี้โดยใช้เป็น “ขนมมงคล” เพื่อนำไปประกอบเครื่องคาวหวาน ถวายพระ
เลี้ยงแขก ในพิธีมงคลต่างๆ เช่น งานงคลสมรส
งานบวช หรืองานขึ้นบ้านใหม่เป็นต้น
โดยจะต้องเลือกใช้เฉพาะขนมไทยที่มีชื่อไพเราะหรือเสริมสิริมงคล ดังเช่น “ขนมมงคล๙อย่าง” ซึ่งได้แก่ ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง
ทองเอก เม็ดขนุน ขนมชั้น จ่ามงกุฎ ขนมถ้วยฟูและเสน่ห์จันทน์
อ้างอิง
มณี ทองคำ. (2555). ตำรับขนมไทยชาววัง. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์สื่อสุขภาพ.
รัมภา ศิริวงศ์. (2552). ขนมไทย. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ดวงกมลพับลิชชิ่ง.
ศรีสมร คงพันธุ์. (2533). ขนมไทย(เล่ม 1). กรุงเทพฯ: ศูนย์การพิมพ์พลชัย.
ศรีสมร คงพันธุ์, มณี สุวรรณผ่อง และอัจฉรา ชินาลัย. (2534). ขนมไทย2. กรุงเทพฯ: ศูนย์การพิมพ์พลชัย.
ขนมไทย. (2553). กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แสงแดด. เ
ส้นทางขนมไทย
กำเนิดและวิวัฒนาการขนมไทยตั้งแต่สมัยสุโขทัยจนถึงปัจจุบัน. (2553). กรุงเทพฯ:สำนักพิมพ์แสงแดด.
ขนมไทย is licensed under a Creative Commons Attribution-NoDerivatives 4.0 International License.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น